logo
วัยซนปลอดภัย ห่างไกลโรคหน้าฝน

วัยซนปลอดภัย ห่างไกลโรคหน้าฝน

เปิดเทอมใหม่แล้ว พร้อมฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่รู้ว่าจะตกลงมาตอนไหน เหตุการณ์แบบนี้ทำให้พ่อ แม่หลายคนเป็นกังวล หากฝนเกิดตกลงมาพอดีในวันที่ลูกไปโรงเรียน เพราะนอกจากจะเลอะเทอะ เฉอะแฉะแล้วลูกของคุณอาจป่วยได้ เพราะอากาศจะเริ่มเย็นลง และมีความชื้นสูงขึ้น สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายได้ง่าย โดย 3 โรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็กมักจะติดต่อกันมากในโรงเรียน พ่อแม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในฤดูนี้

โรคที่มักเกิดกับเด็กในฤดูฝน

1. ไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคที่พบได้ตลอดปีและจะพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ติดต่อกันได้ทางการหายใจ เมื่อไอหรือจาม เชื้อจะสัมผัสกับผู้ป่วยหรือพื้นผิวสัมผัสที่มีไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อม เข้าทางจมูกหรือปาก ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามร่างกาย คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จามร่วมด้วย

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่

1. รักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรง และควรให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ
2. หลีกเลี่ยงไม่ใกล้ชิดเด็กที่ป่วย ไม่อยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น
3. ในเด็กที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรให้หยุดพักรักษาตัว ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียน
4. สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจล
5. รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำปีทุกปี

2. มือ เท้า ปาก

เป็นโรคที่พบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก น้ำลาย ผื่น ตุ่มน้ำใส อุจจาระ หรือสัมผัสทางอ้อม เช่น ผ่านของเล่น มือผู้เลี้ยงดู ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เจ็บปาก มีแผล ตุ่มในช่องปาก กระพุ้งแก้ม ผื่นแดงหรือตุ่มโดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า

วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก

1. แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายป่วย
2. ล้างมือบ่อย ๆ อย่างน้อย 20 วินาทีด้วยน้ำสบู่ และรีบล้างมือให้สะอาดโดยเร็วเมื่อเช็ดน้ำมูก น้ำลาย เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเสื้อผ้าเมื่อมีการ เปื้อนอุจจาระ
3. ฝึกให้เด็กมีนิสัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร
4. หมั่นทำความสะอาดของเล่นเด็ก เครื่องใช้ และสิ่งแวดล้อมที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้สบู่ ผงซักฟอก หรือน้ำยาชะล้างทำความสะอาดทั่วไป
5. รับวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก สายพันธุ์ 71 ป้องกันการติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรครุนแรง แต่วัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปากได้ โดยวัคซีนฉีดในเด็กอายุ 6 เดือน - 5 ปี 11 เดือน ฉีด 2 เข็ม ระยะห่างกัน 1 เดือน

3. ไข้เลือดออก

เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงเหล่านี้มักเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำขังและพบมาก ในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย หน้าแดง ปวดกล้ามเนื้อ บางรายปวดท้อง อาเจียน

วิธีป้องกันไข้เลือดออก

1. ป้องกันไม่ให้ยุงกัดโดยสวมเสื้อและกางเกงขายาว ฉีดสเปรย์หรือทายากันยุงเมื่อต้องออกนอกบ้าน
2. ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านรวมทั้งบริเวณรอบ ๆ บ้าน ได้แก่ เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง กำจัดภาชนะที่มีน้ำขัง ปิดฝาโอ่งให้มิดชิด เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่
3. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในเด็กอายุมากกว่า 4 ปี สามารถป้องกันมีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้มากกว่า 80%

วิธีเตรียมความพร้อมป้องกันลูกป่วยหน้าฝน

1. หมวก ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งควรให้ลูกสวมหมวกจนเป็นนิสัยถึงแม้ว่าอากาศจะแจ่มใส การสวมหมวก อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจหาหมวกรูปแบบต่าง ๆ มาให้ลูกเลือกแล้วลองใส่ ที่สำคัญหมวกเหล่านั้น จะต้องเป็นหมวกที่สวมใส่สบาย สามารถป้องกันได้ทั้งแดดและฝน

2. ร่ม นอกจากเลือกรูปแบบที่มีสีสัน ลายน่ารัก ดึงใจเด็ก ๆ แล้ว แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นึกถึงเรื่องการใช้งานร่วมด้วย เช่น เลือกร่มแบบพับได้สะดวกต่อการจัดเก็บใส่กระเป๋า หรือเลือกร่มที่มียูวีใช้ได้ทั้งหน้าร้อนและหน้าฝน

3. ชุดกันฝน เป็นหนึ่งไอเท็มที่ควรมีติดไว้ในกระเป๋าของลูกเมื่อยามจำเป็น ควรเลือกตามความสะดวกในการใช้งาน

4. ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าผืนเล็ก สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น กันแดด ห่อสิ่งของเล็กๆ น้อย ๆ หรือปกป้องสิ่งสกปรก เชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อเวลาไอ จาม ควรมีผ้าเช็ดหน้าปิดปากป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

5. ถุงพลาสติก พับเก็บใส่กระเป๋า พกติดตัวไว้เมื่อฝนตก ถุงพลาสติกจะช่วยป้องกันน้ำฝนไม่ให้ข้าวของเครื่องใช้ของลูกเสียหาย หรือสวมเป็นหมวกป้องกันฝนก็ได้

เคล็ดลับการดูแลเด็กในฤดูฝน

เสื้อผ้าที่ให้ลูกสวมหน้าฝน แนะนำให้เลือกเสื้อที่เป็นผ้าเนื้อเบา สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่หนาจนเกินไป และไม่บางมากจนเกินไป ไม่ควรสวมใส่ผ้าเนื้อหนา เพราะเมื่อเปียกฝนจะทำให้เกิดอับชื้นและสะสมเชื้อรา อาจ ทำให้ไม่สบายตัวและเป็นหวัดได้

สำหรับเด็กเล็กอย่าลืมเตรียม “ผ้าอ้อมสำเร็จรูป” เผื่อไว้ให้มากกว่าปกติ เพื่อสามารถเปลี่ยนได้บ่อยขึ้น ช่วยลดความอับชื้นจากสภาพอากาศในช่วงฤดูฝน

ข้อมูลจาก : พญ.สลักจิต ราษฎร์อาศัย

         สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปิดเทอมใหม่แล้ว พร้อมฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่รู้ว่าจะตกลงมาตอนไหน เหตุการณ์แบบนี้ทำให้พ่อ แม่หลายคนเป็นกังวล หากฝนเกิดตกลงมาพอดีในวันที่ลูกไปโรงเรียน เพราะนอกจากจะเลอะเทอะ เฉอะแฉะแล้วลูกของคุณอาจป่วยได้ เพราะอากาศจะเริ่มเย็นลง และมีความชื้นสูงขึ้น สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายได้ง่าย โดย 3 โรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็กมักจะติดต่อกันมากในโรงเรียน พ่อแม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในฤดูนี้

โรคที่มักเกิดกับเด็กในฤดูฝน

1. ไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคที่พบได้ตลอดปีและจะพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ติดต่อกันได้ทางการหายใจ เมื่อไอหรือจาม เชื้อจะสัมผัสกับผู้ป่วยหรือพื้นผิวสัมผัสที่มีไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อม เข้าทางจมูกหรือปาก ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามร่างกาย คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จามร่วมด้วย

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่

1. รักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรง และควรให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ
2. หลีกเลี่ยงไม่ใกล้ชิดเด็กที่ป่วย ไม่อยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น
3. ในเด็กที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรให้หยุดพักรักษาตัว ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียน
4. สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจล
5. รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำปีทุกปี

2. มือ เท้า ปาก

เป็นโรคที่พบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก น้ำลาย ผื่น ตุ่มน้ำใส อุจจาระ หรือสัมผัสทางอ้อม เช่น ผ่านของเล่น มือผู้เลี้ยงดู ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เจ็บปาก มีแผล ตุ่มในช่องปาก กระพุ้งแก้ม ผื่นแดงหรือตุ่มโดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า

วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก

1. แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายป่วย
2. ล้างมือบ่อย ๆ อย่างน้อย 20 วินาทีด้วยน้ำสบู่ และรีบล้างมือให้สะอาดโดยเร็วเมื่อเช็ดน้ำมูก น้ำลาย เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเสื้อผ้าเมื่อมีการ เปื้อนอุจจาระ
3. ฝึกให้เด็กมีนิสัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร
4. หมั่นทำความสะอาดของเล่นเด็ก เครื่องใช้ และสิ่งแวดล้อมที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้สบู่ ผงซักฟอก หรือน้ำยาชะล้างทำความสะอาดทั่วไป
5. รับวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก สายพันธุ์ 71 ป้องกันการติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรครุนแรง แต่วัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปากได้ โดยวัคซีนฉีดในเด็กอายุ 6 เดือน - 5 ปี 11 เดือน ฉีด 2 เข็ม ระยะห่างกัน 1 เดือน

3. ไข้เลือดออก

เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงเหล่านี้มักเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำขังและพบมาก ในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย หน้าแดง ปวดกล้ามเนื้อ บางรายปวดท้อง อาเจียน

วิธีป้องกันไข้เลือดออก

1. ป้องกันไม่ให้ยุงกัดโดยสวมเสื้อและกางเกงขายาว ฉีดสเปรย์หรือทายากันยุงเมื่อต้องออกนอกบ้าน
2. ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านรวมทั้งบริเวณรอบ ๆ บ้าน ได้แก่ เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง กำจัดภาชนะที่มีน้ำขัง ปิดฝาโอ่งให้มิดชิด เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่
3. วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในเด็กอายุมากกว่า 4 ปี สามารถป้องกันมีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้มากกว่า 80%

วิธีเตรียมความพร้อมป้องกันลูกป่วยหน้าฝน

1. หมวก ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งควรให้ลูกสวมหมวกจนเป็นนิสัยถึงแม้ว่าอากาศจะแจ่มใส การสวมหมวก อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจหาหมวกรูปแบบต่าง ๆ มาให้ลูกเลือกแล้วลองใส่ ที่สำคัญหมวกเหล่านั้น จะต้องเป็นหมวกที่สวมใส่สบาย สามารถป้องกันได้ทั้งแดดและฝน

2. ร่ม นอกจากเลือกรูปแบบที่มีสีสัน ลายน่ารัก ดึงใจเด็ก ๆ แล้ว แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นึกถึงเรื่องการใช้งานร่วมด้วย เช่น เลือกร่มแบบพับได้สะดวกต่อการจัดเก็บใส่กระเป๋า หรือเลือกร่มที่มียูวีใช้ได้ทั้งหน้าร้อนและหน้าฝน

3. ชุดกันฝน เป็นหนึ่งไอเท็มที่ควรมีติดไว้ในกระเป๋าของลูกเมื่อยามจำเป็น ควรเลือกตามความสะดวกในการใช้งาน

4. ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าผืนเล็ก สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น กันแดด ห่อสิ่งของเล็กๆ น้อย ๆ หรือปกป้องสิ่งสกปรก เชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อเวลาไอ จาม ควรมีผ้าเช็ดหน้าปิดปากป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

5. ถุงพลาสติก พับเก็บใส่กระเป๋า พกติดตัวไว้เมื่อฝนตก ถุงพลาสติกจะช่วยป้องกันน้ำฝนไม่ให้ข้าวของเครื่องใช้ของลูกเสียหาย หรือสวมเป็นหมวกป้องกันฝนก็ได้

เคล็ดลับการดูแลเด็กในฤดูฝน

เสื้อผ้าที่ให้ลูกสวมหน้าฝน แนะนำให้เลือกเสื้อที่เป็นผ้าเนื้อเบา สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่หนาจนเกินไป และไม่บางมากจนเกินไป ไม่ควรสวมใส่ผ้าเนื้อหนา เพราะเมื่อเปียกฝนจะทำให้เกิดอับชื้นและสะสมเชื้อรา อาจ ทำให้ไม่สบายตัวและเป็นหวัดได้

สำหรับเด็กเล็กอย่าลืมเตรียม “ผ้าอ้อมสำเร็จรูป” เผื่อไว้ให้มากกว่าปกติ เพื่อสามารถเปลี่ยนได้บ่อยขึ้น ช่วยลดความอับชื้นจากสภาพอากาศในช่วงฤดูฝน

ข้อมูลจาก : พญ.สลักจิต ราษฎร์อาศัย

         สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E

บทความที่เกี่ยวข้อง