ข้อควรรู้เกี่ยวกับการบริจาคเลือด

เลือดมีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยปกติเรามีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายประมาณ 3,500 ถึง 4,500 มิลลิลิตร และเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน ดังนั้น การบริจาคเลือดปริมาณ 450 มิลลิลิตร จะไม่ก่ออันตรายต่อผู้บริจาคและร่างกายสามารกสร้างเม็ดเลือดมาทดแทนได้ การบริจาคเลือดสามารถทำได้ "ทุก 3 เดือน" ในการบริจาคเลือดของผู้บริจาค 1 ท่าน สามารถนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ 2 - 4 ราย

ผู้ป่วยต้องการเลือดเพื่อการรักษา ได้แก่

  • ผู้ป่วยโรคเลือด
  • ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุ
  • ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การเตรียมตัวก่อนมาบริจาคเลือด

  • อายุ 18 - 60 ปี (อายุ 17 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง)
  • น้ำหนักมากกว่า 48 กิโลกรัม
  • ไม่มีโรคประจำตัว
  • ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
  • นอนหลับอย่างน้อย 5 ชั่วโมง
  • รับประทานอาหารก่อนบริจาคภายใน 4 ชั่วโมง (ควรเว้นของมันและของทอด)
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดสูบบุหรี่ 1 ชั่วโมงก่อนการบริจาคเลือด
  • เพศหญิงไม่อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ไม่มีประวัติเป็นผู้ติดสารเสพติดชนิดใช้เข็มฉีด
  • ไม่อยู่ในระหว่างทานยาปฏิชีวนะ Finasteride, Isotreinoin, Dutasteride, Acitretin, Etretinate
  • ไม่ได้ถอนฟันภายใน 7 วัน หรือขูดหินปูนภายใน 3 วัน
  • ไม่ได้ท้องเสีย ท้องร่วง ภายใน 7 วัน
  • ไม่มีประวัติเป็นหรือตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสตับอักเสบชนิดซี, เชื้อโรคเอดส์ เชื้อซิฟิลิส
  • ไม่ได้เจาะหู เจาะผิวหนังสัก ในระยะ 4 เดือน
  • ไม่มีประวัติเคยเป็นมาลาเรีย ในระยะ 3 ปี

ขั้นตอนในการบริจาคเลือด

1. กรอกแบบสอบถามและลงทะเบียน

2. สัมภาษณ์ประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจความเข้มขับขันของเลือด

3. รับถุงสำหรับเจาะเก็บเลือด พร้อมดื่มน้ำ 1 - 2 แก้ว ก่อนบริจาคเลือด

4. บริจาคเลือด ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ขึ้นอยู่กับการไหลเวียนเลือดของแต่ละบุคคล

5. ดื่มน้ำ รับประทานอาหารว่าง และนั่งพักอย่างน้อย 15 นาที ก่อนเดินทางกลับ

หากท่านสามารถบริจาคเลือดได้

  • ท่านจะได้รับการเจาะเก็บเลือดจากเลือดดำบริเวณแขน โดยจะทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและเจาะเก็บเลือดด้วยวิธีปลอดเชื้อ
  • การบริจาคเลือด ใช้เข็มใหม่ทุกถุง ใช้ครั้งเดียว จึงไม่ทำให้ผู้บริจาคติดเชื้อจากการบริจาคเลือด
  • การเจาะเก็บเลือดใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาที

เลือดของท่านจะได้รับการตรวจ

1. หมู่เลือด (ABO, RhD)

2. ไวรัสเอชไอวี (Anti-HIV และ HIV antigen)

3. ไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)

4. ไวรัสตับอักเสบชี (Anti-HCV)

5. เชื้อซิฟิลิส (Syphilis)

ข้อห้ามในการบริจาคเลือด

  • ห้ามบริจาคเลือดเพราะต้องการตรวจเอดส์ เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับเลือด
  • ไม่ควรบริจาคเลือดหากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือมีอาการ ได้แก่ มีไข้เรื้อรัง ลิ้นมีฝ้าขาว ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริจาคเลือด

  • ปฏิกิริยาจากการบริจาคเลือด เช่น มึนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม คลื่นไส้ มักหายได้เองหลังนั่งพัก 5 - 30 นาที
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะเก็บเลือด เช่น การบวบช้ำ อาการชาหรือเจ็บจากเส้นประสากบาดเจ็บ การติดเชื้อจากรอยเจาะ ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยมาก เช่นเดียวกับการเจาะเลือดเพื่อตรวจสุภาพทั่วไป

การปฏิบัติตัวภายหลังบริจาคเลือด

  • พักที่เตียงบริจาคต่อ อย่างน้อย 5 นาที ถ้ามีอาการมึน เวียนศีรษะ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่
  • รับประทานขนม และน้ำหวาน 1 - 2 แก้ว และนั่งพักอีก 10 - 15 นาที ที่ห้องรับบริจาคเลือด จนแน่ใจว่ารู้สึกปกติ
  • ดื่มน้ำมากกว่าปกติเป็นเวลา 1 - 2 วัน
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ร้อนและแออัด
  • งดออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรืออบไอน้ำ 1 วัน
  • งดการทำงานในที่สูง เช่น การขึ้นลงลิฟท์หรือบันไดสูง หากหน้ามืด เวียนศีรษะ ควรรีบนั่งลงหรือนอน
  • งดการใช้แขนข้างที่บริจาคเลือด ยกของหนัก เพื่อป้องกันเลือดออก
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 ชั่วโมง และงดดื่มแอลกอฮอล์ จนกว่าจะได้รับประทานอาหาร

หลังการบริจาคเลือดหากมีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ท้องเสีย หรือไม่มั่นใจว่าเลือดที่ท่านบริจาคไปแล้วปลอดภัยแก่ผู้ป่วย "กรุณาโทรแจ้ง" 02-414-0100, 02-414-0102

ขอบคุณข้อมูลจาก: ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

เลือดมีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยปกติเรามีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายประมาณ 3,500 ถึง 4,500 มิลลิลิตร และเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน ดังนั้น การบริจาคเลือดปริมาณ 450 มิลลิลิตร จะไม่ก่ออันตรายต่อผู้บริจาคและร่างกายสามารกสร้างเม็ดเลือดมาทดแทนได้ การบริจาคเลือดสามารถทำได้ "ทุก 3 เดือน" ในการบริจาคเลือดของผู้บริจาค 1 ท่าน สามารถนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ 2 - 4 ราย

ผู้ป่วยต้องการเลือดเพื่อการรักษา ได้แก่

  • ผู้ป่วยโรคเลือด
  • ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุ
  • ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การเตรียมตัวก่อนมาบริจาคเลือด

  • อายุ 18 - 60 ปี (อายุ 17 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง)
  • น้ำหนักมากกว่า 48 กิโลกรัม
  • ไม่มีโรคประจำตัว
  • ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
  • นอนหลับอย่างน้อย 5 ชั่วโมง
  • รับประทานอาหารก่อนบริจาคภายใน 4 ชั่วโมง (ควรเว้นของมันและของทอด)
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  • งดสูบบุหรี่ 1 ชั่วโมงก่อนการบริจาคเลือด
  • เพศหญิงไม่อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ไม่มีประวัติเป็นผู้ติดสารเสพติดชนิดใช้เข็มฉีด
  • ไม่อยู่ในระหว่างทานยาปฏิชีวนะ Finasteride, Isotreinoin, Dutasteride, Acitretin, Etretinate
  • ไม่ได้ถอนฟันภายใน 7 วัน หรือขูดหินปูนภายใน 3 วัน
  • ไม่ได้ท้องเสีย ท้องร่วง ภายใน 7 วัน
  • ไม่มีประวัติเป็นหรือตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสตับอักเสบชนิดซี, เชื้อโรคเอดส์ เชื้อซิฟิลิส
  • ไม่ได้เจาะหู เจาะผิวหนังสัก ในระยะ 4 เดือน
  • ไม่มีประวัติเคยเป็นมาลาเรีย ในระยะ 3 ปี

ขั้นตอนในการบริจาคเลือด

1. กรอกแบบสอบถามและลงทะเบียน

2. สัมภาษณ์ประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจความเข้มขับขันของเลือด

3. รับถุงสำหรับเจาะเก็บเลือด พร้อมดื่มน้ำ 1 - 2 แก้ว ก่อนบริจาคเลือด

4. บริจาคเลือด ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ขึ้นอยู่กับการไหลเวียนเลือดของแต่ละบุคคล

5. ดื่มน้ำ รับประทานอาหารว่าง และนั่งพักอย่างน้อย 15 นาที ก่อนเดินทางกลับ

หากท่านสามารถบริจาคเลือดได้

  • ท่านจะได้รับการเจาะเก็บเลือดจากเลือดดำบริเวณแขน โดยจะทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและเจาะเก็บเลือดด้วยวิธีปลอดเชื้อ
  • การบริจาคเลือด ใช้เข็มใหม่ทุกถุง ใช้ครั้งเดียว จึงไม่ทำให้ผู้บริจาคติดเชื้อจากการบริจาคเลือด
  • การเจาะเก็บเลือดใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาที

เลือดของท่านจะได้รับการตรวจ

1. หมู่เลือด (ABO, RhD)

2. ไวรัสเอชไอวี (Anti-HIV และ HIV antigen)

3. ไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)

4. ไวรัสตับอักเสบชี (Anti-HCV)

5. เชื้อซิฟิลิส (Syphilis)

ข้อห้ามในการบริจาคเลือด

  • ห้ามบริจาคเลือดเพราะต้องการตรวจเอดส์ เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับเลือด
  • ไม่ควรบริจาคเลือดหากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือมีอาการ ได้แก่ มีไข้เรื้อรัง ลิ้นมีฝ้าขาว ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริจาคเลือด

  • ปฏิกิริยาจากการบริจาคเลือด เช่น มึนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม คลื่นไส้ มักหายได้เองหลังนั่งพัก 5 - 30 นาที
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะเก็บเลือด เช่น การบวบช้ำ อาการชาหรือเจ็บจากเส้นประสากบาดเจ็บ การติดเชื้อจากรอยเจาะ ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยมาก เช่นเดียวกับการเจาะเลือดเพื่อตรวจสุภาพทั่วไป

การปฏิบัติตัวภายหลังบริจาคเลือด

  • พักที่เตียงบริจาคต่อ อย่างน้อย 5 นาที ถ้ามีอาการมึน เวียนศีรษะ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่
  • รับประทานขนม และน้ำหวาน 1 - 2 แก้ว และนั่งพักอีก 10 - 15 นาที ที่ห้องรับบริจาคเลือด จนแน่ใจว่ารู้สึกปกติ
  • ดื่มน้ำมากกว่าปกติเป็นเวลา 1 - 2 วัน
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ร้อนและแออัด
  • งดออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรืออบไอน้ำ 1 วัน
  • งดการทำงานในที่สูง เช่น การขึ้นลงลิฟท์หรือบันไดสูง หากหน้ามืด เวียนศีรษะ ควรรีบนั่งลงหรือนอน
  • งดการใช้แขนข้างที่บริจาคเลือด ยกของหนัก เพื่อป้องกันเลือดออก
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 ชั่วโมง และงดดื่มแอลกอฮอล์ จนกว่าจะได้รับประทานอาหาร

หลังการบริจาคเลือดหากมีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ท้องเสีย หรือไม่มั่นใจว่าเลือดที่ท่านบริจาคไปแล้วปลอดภัยแก่ผู้ป่วย "กรุณาโทรแจ้ง" 02-414-0100, 02-414-0102

ขอบคุณข้อมูลจาก: ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล