โรคต้อลม และต้อเนื้อ

ต้อลม (pinguecula) และต้อเนื้อ (pterygium) เป็นปัญหาทางตาที่พบบ่อย ไม่มีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้โดยตรง แต่มักก่อให้เกิดความรำคาญ เนื่องจากการระคายเคือง หรืออักเสบบริเวณที่มีการเกิดต้อขึ้น และหากลามถึงบริเวณรูม่านตา จะทำให้บดบังการมองเห็น

ต้อลม  (pinguecula) เป็นความเสื่อมของเยื่อบุตาขาวทำให้เกิดเป็นแผ่นหรือตุ่มนูนสีออกเหลืองเกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุตาขาวข้างกระจกตาดำ มักเกิดที่หัวตาด้านในใกล้จมูก แต่อาจเกิดได้ทั้งด้านหัวตาและหางตาพร้อมกัน 

ต้อเนื้อ (pterygium) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเส้นใยคอลลาเจนในเยื่อบุตาขาวทำให้เกิดเนื้อเยื่อผิดปกติ มีลักษณะเป็นแผ่นพังผืดและหลอดเลือดรวมกันสีออกแดงรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม โดยจะลุกลามอย่างช้า ๆ จากหัวตาหรือหางตาเข้าไปในกระจกตา หากลุกลามเข้าไปมากอาจเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น

สาเหตุต้อลมและต้อเนื้อ

  • ดวงตาสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) ฝุ่น ลมร้อน อากาศแห้ง ควัน และมลภาวะต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดอาการระคายเคืองเรื้อรัง
  • ภาวะตาแห้งจากการใช้สายตานาน เช่น ดูโทรศัพท์หรือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์

อาการต้อลมและต้อเนื้อ

  • มีอาการระคายเคืองตา คันตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้าย เศษผง เม็ดทรายอยู่ในดวงตา โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • ตาแห้ง น้ำตาไหล หรือมีอาการแพ้แสง
  • ในบางกรณีอาจมีอาการตาแดง หากเกิดการอักเสบ
  • ถ้าต้อเนื้อเป็นมาก โดยลุกลามเข้าไปในกระจกตา จะเกิดการดึงรั้งที่กระจกตา ทำให้ความโค้งกระจกตาเปลี่ยน เกิดอาการตามัว และค่าสายตาเอียงเพิ่มขึ้นได้

การรักษาต้อลมและต้อเนื้อ

1. การรักษาด้วยยา

ในกรณีที่ต้อลมและต้อเนื้อเป็นไม่มาก โดยต้อมีขนาดเล็กไม่รบกวนการมองเห็น การรักษาโรคในระยะนี้จะเน้นเรื่องการป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ที่กระตุ้นให้เกิดการลุกลามของต้อ เช่น แสงแดดที่มีรังสี UV แนะนำให้สวมแว่นกันแดดเวลาอยู่กลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงฝุ่นและควัน

หากมีอาการตาแดง อักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา โดยอาจจะใช้กลุ่มยาที่ลดอาการแพ้และเพิ่มการหดตัวของหลอดเลือด เช่น ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของ Antazoline และ Tetrahydrozoline หรือ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซี่งการใช้ยาควรอยู่ในการดูแลของแพทย์

หากมีอาการระคายเคืองไม่มาก แนะนำหยอดน้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา และช่วยบรรเทาอาการแสบตา เคืองตาได้

2. การรักษาด้วยการผ่าตัด

ต้อลม

  • ในกรณีของต้อลม มักจะไม่พิจารณาผ่าตัด ยกเว้นในกรณีที่ต้อลมนูนมาก มีการอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีตาแดง และระคายเคืองมาก จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

ต้อเนื้อ

  • แพทย์พิจารณาผ่าตัดนำต้อเนื้อออก ในกรณีต้อเนื้อมีขนาดใหญ่จนส่งผลกระทบต่อการใช้สายตา เช่น ทำให้เกิดค่าสายตาเอียงเพิ่มขึ้น หรือบดบังการมองเห็น เนื่องจากต้อเนื้อโตเข้าไปถึงกี่งกลางกระจกตา และบังรูม่านตา หรือทำให้การกลอกตาไม่สมบูรณ์ เกิดภาพซ้อน

ในปัจจุบันการผ่าตัดต้อเนื้อถือว่าไม่ยุ่งยาก มักจะเป็นการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก (การผ่าตัดแบบไม่ต้องค้างคืนที่โรงพยาบาล) โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30-40 นาที แต่อาจใช้เวลามากขึ้นกรณีผ่าตัดต้อเนื้อที่กลับเป็นซ้ำ จากนั้นผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้  

แพทย์ทำการผ่าตัดด้วยวิธีลอกต้อเนื้อออก และปลูกถ่ายเนื้อเยื่อใหม่โดยใช้เยื่อบุตาขาวของผู้ป่วยเอง หรือเยื่อหุ้มรก โดยใช้วิธีเย็บเนื้อเยื่อหรือใช้ Fibrin Glue ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองหลังผ่าตัด และบางรายแพทย์อาจพิจารณาใช้ยา Mitomycin-C ในระหว่างการผ่าตัด เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ  

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้น เช่น ฝุ่น ลม ควัน หรือแสงแดด หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์กรองรังสี UV หรือใส่หมวกตลอดเวลาที่อยู่กลางแจ้ง
  • หากระคายเคืองตา หรือตาแห้งให้ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดอาการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบ
  • หากใช้สายตาเป็นเวลานานควรพักสายตาเป็นระยะ

แม้ว่าโรคต้อลมและต้อเนื้อจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่สามารถป้องกันและชะลอการลุกลามได้ด้วยการดูแลดวงตา ในกรณีที่มีต้อลมหรือต้อเนื้ออยู่แล้ว ควรสังเกตุ การเปลี่ยนแปลงของขนาด, สี หรือรูปร่างของต้อ หากมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมิน และการรักษาที่เหมาะสม

ข้อมูลจาก : พญ.บัณฑิตา เลิศสุวรรณโรจน์ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A

ต้อลม (pinguecula) และต้อเนื้อ (pterygium) เป็นปัญหาทางตาที่พบบ่อย ไม่มีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้โดยตรง แต่มักก่อให้เกิดความรำคาญ เนื่องจากการระคายเคือง หรืออักเสบบริเวณที่มีการเกิดต้อขึ้น และหากลามถึงบริเวณรูม่านตา จะทำให้บดบังการมองเห็น

ต้อลม  (pinguecula) เป็นความเสื่อมของเยื่อบุตาขาวทำให้เกิดเป็นแผ่นหรือตุ่มนูนสีออกเหลืองเกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุตาขาวข้างกระจกตาดำ มักเกิดที่หัวตาด้านในใกล้จมูก แต่อาจเกิดได้ทั้งด้านหัวตาและหางตาพร้อมกัน 

ต้อเนื้อ (pterygium) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเส้นใยคอลลาเจนในเยื่อบุตาขาวทำให้เกิดเนื้อเยื่อผิดปกติ มีลักษณะเป็นแผ่นพังผืดและหลอดเลือดรวมกันสีออกแดงรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม โดยจะลุกลามอย่างช้า ๆ จากหัวตาหรือหางตาเข้าไปในกระจกตา หากลุกลามเข้าไปมากอาจเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น

สาเหตุต้อลมและต้อเนื้อ

  • ดวงตาสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) ฝุ่น ลมร้อน อากาศแห้ง ควัน และมลภาวะต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดอาการระคายเคืองเรื้อรัง
  • ภาวะตาแห้งจากการใช้สายตานาน เช่น ดูโทรศัพท์หรือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์

อาการต้อลมและต้อเนื้อ

  • มีอาการระคายเคืองตา คันตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้าย เศษผง เม็ดทรายอยู่ในดวงตา โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • ตาแห้ง น้ำตาไหล หรือมีอาการแพ้แสง
  • ในบางกรณีอาจมีอาการตาแดง หากเกิดการอักเสบ
  • ถ้าต้อเนื้อเป็นมาก โดยลุกลามเข้าไปในกระจกตา จะเกิดการดึงรั้งที่กระจกตา ทำให้ความโค้งกระจกตาเปลี่ยน เกิดอาการตามัว และค่าสายตาเอียงเพิ่มขึ้นได้

การรักษาต้อลมและต้อเนื้อ

1. การรักษาด้วยยา

ในกรณีที่ต้อลมและต้อเนื้อเป็นไม่มาก โดยต้อมีขนาดเล็กไม่รบกวนการมองเห็น การรักษาโรคในระยะนี้จะเน้นเรื่องการป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ที่กระตุ้นให้เกิดการลุกลามของต้อ เช่น แสงแดดที่มีรังสี UV แนะนำให้สวมแว่นกันแดดเวลาอยู่กลางแจ้ง และหลีกเลี่ยงฝุ่นและควัน

หากมีอาการตาแดง อักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา โดยอาจจะใช้กลุ่มยาที่ลดอาการแพ้และเพิ่มการหดตัวของหลอดเลือด เช่น ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของ Antazoline และ Tetrahydrozoline หรือ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซี่งการใช้ยาควรอยู่ในการดูแลของแพทย์

หากมีอาการระคายเคืองไม่มาก แนะนำหยอดน้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา และช่วยบรรเทาอาการแสบตา เคืองตาได้

2. การรักษาด้วยการผ่าตัด

ต้อลม

  • ในกรณีของต้อลม มักจะไม่พิจารณาผ่าตัด ยกเว้นในกรณีที่ต้อลมนูนมาก มีการอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีตาแดง และระคายเคืองมาก จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

ต้อเนื้อ

  • แพทย์พิจารณาผ่าตัดนำต้อเนื้อออก ในกรณีต้อเนื้อมีขนาดใหญ่จนส่งผลกระทบต่อการใช้สายตา เช่น ทำให้เกิดค่าสายตาเอียงเพิ่มขึ้น หรือบดบังการมองเห็น เนื่องจากต้อเนื้อโตเข้าไปถึงกี่งกลางกระจกตา และบังรูม่านตา หรือทำให้การกลอกตาไม่สมบูรณ์ เกิดภาพซ้อน

ในปัจจุบันการผ่าตัดต้อเนื้อถือว่าไม่ยุ่งยาก มักจะเป็นการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก (การผ่าตัดแบบไม่ต้องค้างคืนที่โรงพยาบาล) โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30-40 นาที แต่อาจใช้เวลามากขึ้นกรณีผ่าตัดต้อเนื้อที่กลับเป็นซ้ำ จากนั้นผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้  

แพทย์ทำการผ่าตัดด้วยวิธีลอกต้อเนื้อออก และปลูกถ่ายเนื้อเยื่อใหม่โดยใช้เยื่อบุตาขาวของผู้ป่วยเอง หรือเยื่อหุ้มรก โดยใช้วิธีเย็บเนื้อเยื่อหรือใช้ Fibrin Glue ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองหลังผ่าตัด และบางรายแพทย์อาจพิจารณาใช้ยา Mitomycin-C ในระหว่างการผ่าตัด เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ  

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้น เช่น ฝุ่น ลม ควัน หรือแสงแดด หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์กรองรังสี UV หรือใส่หมวกตลอดเวลาที่อยู่กลางแจ้ง
  • หากระคายเคืองตา หรือตาแห้งให้ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดอาการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบ
  • หากใช้สายตาเป็นเวลานานควรพักสายตาเป็นระยะ

แม้ว่าโรคต้อลมและต้อเนื้อจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่สามารถป้องกันและชะลอการลุกลามได้ด้วยการดูแลดวงตา ในกรณีที่มีต้อลมหรือต้อเนื้ออยู่แล้ว ควรสังเกตุ การเปลี่ยนแปลงของขนาด, สี หรือรูปร่างของต้อ หากมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมิน และการรักษาที่เหมาะสม

ข้อมูลจาก : พญ.บัณฑิตา เลิศสุวรรณโรจน์ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง