การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก (Dengue Vaccine)

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Denque virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน มักพบในประเทศเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี โรคไข้เลือดออกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มอายุ และสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเกิดอาการรุนแรง และถึงแม้ว่าจะเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาแล้วก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้ ถ้าหากได้รับเชื้อต่างชนิดกัน

ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก?

เนื่องจากโรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่ระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนาน แม้โรคไข้เลือดออกจะไม่ได้ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง แต่โรคสามารถติดต่อผ่านยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกเป็นพาหะ หากยุงลายกัดคนที่มีเชื้อไข้เลือดออกแม้ไม่แสดงอาการ และมากัดคนอื่นต่อก็สามารถส่งต่อเชื้อได้ การป้องกันตนเองจากการโดนยุงกัดตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การป้องกันโรคไข้เลือดออกโดยการฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ชนิดใหม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจากทุกสายพันธุ์ได้ถึง 80.2% ป้องกันไข้เลือดออกแบบรุนแรงได้ 85.9% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้สูงถึง 90.4%

คำแนะนำการรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยติดไข้เลือดออกมาก่อน

2. ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้เลือดออกรุนแรง คือ

  • กลุ่มคนอ้วน
  • กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคคความดันโลหิตสูง โรคธาลัสซีเมีย โรคเลือด โรคไต เป็นต้น

หมายเหตุ

สำหรับผู้ที่หายจากการติดเชื้อไข้เลือดออกแล้ว หากต้องการรับวัคซีน ให้ฉีดวัคชีนได้หลังจากเป็นไข้เลือดออกแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

 

ผลข้างเคียงของวัคซีน

1. อาการปวด บวมแดง มีผื่นแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่อาการจะเกิดขึ้นในช่วง 2 วันหลังฉีดวัดซีนและสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน สามารถใช้ผ้าเย็น ๆ ประคบบริเวณที่บวมได้ หรือรับประทานยาลดไข้ได้ หากมีอาการ

2. อาการแพ้วัคซีนรุนแรง พบได้น้อยมาก ถ้ามีอาการแพ้ จะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีดโดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที

ข้อห้ามและข้อควรระวัง

1. ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูง เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ขนาด 20 มก./วัน หรือ 2 มก./กก./วัน หากต้องการฉีดวัคชีนแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อนฉีด

2. ผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกินต่อตัวยาสำคัญหรือสารเพิ่มปริมาณยาชนิดใด ๆ หรือมีภาวะภูมิไวเกินต่อวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ฉีดไปก่อนหน้านี้

3. สตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตร

4. สตรีในวัยเจริญพันธุ์ ควรคุมกำเนิดหลังฉีดวัดชีนอย่างน้อย 1 เดือน

ราคาวัคซีน

ราคาต่อเข็ม 2,270 บาท (ราคา ณ มิ.ย. 68 อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลยา ฝ่ายวิชาการเภสัชสนเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกตรวจสุขภาพ ชั้น 4 โซน E

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Denque virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน มักพบในประเทศเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี โรคไข้เลือดออกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มอายุ และสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเกิดอาการรุนแรง และถึงแม้ว่าจะเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาแล้วก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้ ถ้าหากได้รับเชื้อต่างชนิดกัน

ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก?

เนื่องจากโรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่ระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนาน แม้โรคไข้เลือดออกจะไม่ได้ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง แต่โรคสามารถติดต่อผ่านยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกเป็นพาหะ หากยุงลายกัดคนที่มีเชื้อไข้เลือดออกแม้ไม่แสดงอาการ และมากัดคนอื่นต่อก็สามารถส่งต่อเชื้อได้ การป้องกันตนเองจากการโดนยุงกัดตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การป้องกันโรคไข้เลือดออกโดยการฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ชนิดใหม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจากทุกสายพันธุ์ได้ถึง 80.2% ป้องกันไข้เลือดออกแบบรุนแรงได้ 85.9% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้สูงถึง 90.4%

คำแนะนำการรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยติดไข้เลือดออกมาก่อน

2. ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้เลือดออกรุนแรง คือ

  • กลุ่มคนอ้วน
  • กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคคความดันโลหิตสูง โรคธาลัสซีเมีย โรคเลือด โรคไต เป็นต้น

หมายเหตุ

สำหรับผู้ที่หายจากการติดเชื้อไข้เลือดออกแล้ว หากต้องการรับวัคซีน ให้ฉีดวัคชีนได้หลังจากเป็นไข้เลือดออกแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

ผลข้างเคียงของวัคซีน

1. อาการปวด บวมแดง มีผื่นแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่อาการจะเกิดขึ้นในช่วง 2 วันหลังฉีดวัดซีนและสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน สามารถใช้ผ้าเย็น ๆ ประคบบริเวณที่บวมได้ หรือรับประทานยาลดไข้ได้ หากมีอาการ

2. อาการแพ้วัคซีนรุนแรง พบได้น้อยมาก ถ้ามีอาการแพ้ จะมีอาการปรากฏให้เห็นภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีดโดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที

ข้อห้ามและข้อควรระวัง

1. ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูง เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) ขนาด 20 มก./วัน หรือ 2 มก./กก./วัน หากต้องการฉีดวัคชีนแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อนฉีด

2. ผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกินต่อตัวยาสำคัญหรือสารเพิ่มปริมาณยาชนิดใด ๆ หรือมีภาวะภูมิไวเกินต่อวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ฉีดไปก่อนหน้านี้

3. สตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตร

4. สตรีในวัยเจริญพันธุ์ ควรคุมกำเนิดหลังฉีดวัดชีนอย่างน้อย 1 เดือน

ราคาวัคซีน

ราคาต่อเข็ม 2,270 บาท (ราคา ณ มิ.ย. 68 อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลยา ฝ่ายวิชาการเภสัชสนเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกตรวจสุขภาพ ชั้น 4 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง